บทความน่ารู้สำหรับมือใหม่ขึ้นเครื่องบินไปต่างแดนครั้งแรก

จะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างแดนทั้งที ไปตั้งยาวนานหลายวันก็ควรมีกระเป๋าพะรุงเยอะไปหมด อีกทั้งเสื้อผ้า เครื่องใช้ เครื่องแต่งตัว สิ่งของที่มีความสำคัญต่างๆอีกเยอะ ไหนจะยังจะต้องขึ้นเรือบินไปยังต่างประเทศหนแรก น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆเลย จะต้องจัดแจงอย่างไร ใช้เอกสารอะไรบ้าง จะทำอย่างไรดีนะ
1. 
จัดแจงให้พร้อม

สิ่งจำเป็น ที่จำต้องตระเตรียมเอาไว้ให้พร้อมก่อนขึ้นเรือบิน
Passport
ในวันที่เดินทางจะต้องไม่หมดอายุ แล้วก็ยังคงใช้ได้ขั้นต่ำอีก เดือน พร้อมวีซ่าสำหรับเข้าประเทศนั้นๆ
ตั๋วโดยสาร ปกติจะต้องมีไปรวมทั้งกลับ เนื่องจากว่าบางประเทศจะขอให้แสดงก่อนเข้าประเทศ เพื่อเป็นการรับรองว่าคุณกลับเมืองไทยแน่ๆ
แลกเงินเอาไว้ก่อน เป็นเงินสกุลประเทศที่จะเดินทางไป บางทีอาจจะเป็นร้านค้าที่รับแลกเงิน หรือจะไปแลกเปลี่ยนเอาที่สุวรรณภูมิก็ได้
ขึ้นเรือบิน, passport
2. 
มาก่อนเวลา ชั่วโมง

ควรกะเวลาให้ไปถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนขึ้นเครื่องขั้นต่ำ ชั่วโมง จะได้ไม่กะทันหัน แล้วก็มีเวลาอีกเยอะแยะสำหรับสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้
มีเวลาสำหรับตรวจการเอกสาร
มีเวลาเข้าแถว เช็คอิน และก็รับบัตรขึ้นเครื่อง (Check-in)
มีเวลาผ่านด่านตรวจคนเข้าออกจากเมืองไทย
มีเวลาแลกเงิน
มีเวลาร่ำลา หรือโทรศัพท์ก่อนขึ้นเครื่อง
มีเวลาเดินตรวจร้านรวงไม่เสียภาษี สำหรับขาช้อบปิ้ง
มีเวลาเข้าห้องสุขา ทำธุระส่วนตัวสำหรับผู้ที่ชอบตื่นเต้นง่าย
ในที่สุดมีเวลาเดินหาประตูขึ้นเครื่อง
3. 
ตรวจตราเที่ยวบิน

เมื่อถึงท่าอากาศยานให้เช็คมองจอมอนิเตอร์ว่าเที่ยวบินที่พวกเรานั่งมีสถานะคืออะไร ออกตรงเวลา หรือดีเลย์ไหม เค้าน์เตอร์เช็คอินลำดับที่อะไร
ขึ้นเรือบิน, airport
4. 
ถึงเวลาเช็คอิน

เข้าเช็คอินโดยการตรวจตั๋วโดยสาร และก็รับบัตรสำหรับขึ้นเครื่อง หรือ Bording Pass ผู้ใดกันแน่ยังงงเต็กอยู่ ตั๋วโดยสารกับบัตรขึ้นเครื่องเป็นคนละใบกันนะ ซึ่งตั๋วโดยสารที่พวกเรามีอยู่ยังไม่อาจจะขึ้นเครื่องได้โดยทันที ต้องเอาไปให้ข้าราชการแต่ละสายการบินตรวจและก็ออกบัตรให้อีกหนึ่งใบ เรียกว่าบัตรขึ้นเครื่อง (ฺBoarding Pass) โดยในบัตรจะแสดงเนื้อหาว่าว่าจะต้องไปขึ้นเครื่องที่ประตูไหน นั่งเก้าอี้ตัวไหน อย่าลืมตรวจดูข้อมูล ชื่อสกุล ของพวกเราว่าถูกตรงกันหรือไม่ แล้วก็จะมีใบ กองตรวจคนเข้าเมือง เปล่าๆอีกหนึ่งใบแนบมาพร้อมด้วย
ขึ้นเรือบิน, boarding pass
ตรวจบัตรเสร็จและก็นำกระเป๋าผ่านเข้าเครื่อง X-Ray เพื่อนำไปเช็คอิน ซึ่งเป็นกระเป๋าที่พวกเราจะฝากไปเก็บใต้ท้องเรือบินจำเป็นต้องมองให้มั่นใจว่ากระเป๋าที่พวกเราโหลดไปใต้ท้องเครื่องนั้น จะไม่มีสิ่งของที่มีความสำคัญที่จะจะต้องถือใช้ระหว่างเดินทาง เพราะเหตุว่าจะไม่อาจจะรื้อถอนออกมาได้อีก
5. 
ตรวจหนังสือเดินทาง

ใบ กองตรวจคนเข้าเมือง ที่ได้รับมานั้น ให้กรอก หน้า บัตรขาออก และก็ บัตรขาเข้า กรอกเป็นภาษาอังกฤษช่องละ ตัวเขียน โดยข้อมูลจะต้องตรงกับใน Passport ระวังให้ดี ข้างบนสุดให้กรอกชื่อสกุลก่อน แล้วและก็ตามด้วยชื่อ พวกเราชอบถนัดเขียนเริ่มด้วยชื่อก่อน บางทีก็อาจจะเผลอเขียนไม่ถูกเอาได้
กรอกเสร็จและก็เอาไปให้ข้าราชการตรวจ เอาไปยื่นพร้อมเอกสารอื่นๆอีกทั้ง Passport รวมทั้ง Bording Pass ที่ตรงประตูปากทางเข้า รอคอยรับใบเข้าเมืองที่ข้าราชการฉีกคืนให้พวกเรากึ่งหนึ่งพร้อมด้วยหนังสือเดินทางคืนมา อย่าทำหายเชียวนะ ด้วยเหตุว่าเที่ยวกลับพวกเราต้องใช้อีกที
6. 
สแกนสัมภาระ

ตรวจหนังสือเดินทางเสร็จแล้ว ก็ไปสแกนสัมภาระกันต่อ จะมีทางเดินเข้าช่องสแกนสัมภาระ ให้เอาข้าวของในกระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกง กระเป๋าใส่เงิน ไปเก็บเอาไว้ภายในกระเป๋าหิ้ว เสื้อคลุมจะต้องถอดออก บางท่าอากาศยานที่เอาจริงเอาจังมากมายต้องถอดสายรัดเอว รวมทั้ง รองเท้าด้วย ส่วนน้ำกินต้องทานให้หมดก่อนเข้าสแกนสัมภาระ หรือไม่ก็จำเป็นต้องทิ้งลงถังสำหรับใส่ขยะ กระเป๋าสำหรับถือ กระเป๋า ให้วางลงในสายพานผ่านเครื่อง x-ray ให้ข้าราชการตรวจทาน แล้วเดินผ่านประตูตรวจค้นโลหะ
7. 
คอยขึ้นเครื่อง

ภายหลังจากสแกนสัมภาระเสร็จ ได้สัมภาระกลับคืนมาแล้ว หากมีเวลาเหลือก่อนเครื่องบางครั้งก็อาจจะหาอะไรรับประทาน แวะเดินเที่ยวช้อปปิ้ง Duty Free ได้ หลังจากนั้นก็ไปขึ้นเครื่องตามเกที่เจาะจงไว้ภายใน Boarding Pass ก่อนที่จะถึงเวลาBoarding Time ระหว่างรอคอยขึ้นเครื่องให้พินิจหน้าจอหน้าเกว่าเป็น Flight ที่พวกเราบินหรือไม่ เพราะว่าบางทีอาจมีการเปลี่ยนเกต ทางที่ดีควรจะไปถึงหน้าประตูก่อนเครื่องขึ้นขั้นต่ำ 30-40 นาที เร็วกว่านั้นได้ยิ่งดี จะได้ไม่พลาด
8. 
ขึ้นเครื่อง

ก่อนเครื่องค่อนข้างจะมีข้าราชการเรียกขึ้นเครื่อง ข้าราชการจะขอดู Passport พร้อม Boarding Pass แล้วก็ฉีก Boarding Pass ส่วนของสายการบินออก คืนที่เหลือให้พวกเรา
9. 
เริ่มเดินทาง

เมื่อขึ้นไปอยู่บนเครื่องแล้วให้นั่งตามเลข ดูกล้วยๆจะติดอยู่รอบๆที่เก็บสัมภาระ ถ้าเกิดหาไม่พบสามารถถามข้าราชการได้ เก็บสัมภาระเอาไว้ในช่องข้างบนได้ ส่วนสิ่งที่มีค่าให้เก็บไว้กับตัว หลังจากนั้นก็คาดเข็มขัดนิรภัย ปรับพนักพิงเก้าอี้ตั้งชัน เริ่มต้นบังแสงสว่าง ปิดโทรศัพท์ วัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท มองแสดงการใช้เครื่องไม้เครื่องมือเร่งด่วน ที่บนเรือบินข้าราชการจะแจกใบ กองตรวจคนเข้าเมือง ของประเทศที่พวกเราจะไป ให้พวกเรากรอกข้อมูล
ขึ้นเรือบิน, seat
10. 
ถึงที่หมาย

เดินตามป้าย Arrivals หรือ Immigration จัดเตรียมเข้าด่าน กองตรวจคนเข้าเมือง ของประเทศนั้น ให้ตระเตรียม Passport + ใบ กองตรวจคนเข้าเมือง ของประเทศนั้นไว้คอยตรวจให้พร้อม
เสร็จจาก กองตรวจคนเข้าเมือง ก็ไปรับกระเป๋าที่พวกเราโหลดมา มองหาชื่อเที่ยวบินในป้ายของแต่ละสายพานแล้วไปคอยรับกระเป๋าที่ช่องนั้น ภายหลังได้กระเป๋าอย่าลืมตรวจความถูกต้องชัดเจน ว่าเป็นกระเป๋าของตนเองหรือไม่ มีส่วนไหนแตกเสียหายหรือเปล่า ถ้าเกิดกำเนิดความเสื่อมโทรมสามารถขอเคลมกับทางสายการบินได้ตามความจริง หากทุกๆอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดีก็ออกมาจากตึกผู้โดยสารได้เลย
ผู้ที่ไม่มีข้าวของต้องแสดง ให้ออกทางช่องเขียว
มีข้าวของจะต้องแสดง ตัวอย่างเช่น นำเข้าผลิตภัณฑ์จำนวนมากในเชิงพานิชย์ ให้ออกทางช่องแดง

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *